ไขมันหน้าท้อง ปัญหาที่น่าหนักอกหนักใจของใครหลาย ๆ คน เพราะหน้าท้องที่มีไขมันสะสมนั้นดูไม่สวยงาม จะใส่เสื้อผ้ายังก็ไงก็ลำบาก ต้องหาเสื้อมาอำพรางอีก แถมยังยื่นจนทำให้แต่งตัวชุดไหนก็ไม่มั่นใจ แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากคุณปรับพฤติกรรมการรับประทาน และการออกกำลังกาย ในท่าที่จะช่วยให้ลดหน้าท้อง
- ควรหลีกเลี่ยงหรืองดการบริโภคแอลกอฮอล์เนื่องจากมีแคลอรีสูง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอนเนื่องจากการนอนราบทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารแปรรูป และน้ำตาล
- นอนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากการนอนไม่เพียงพอและอาการอ่อนเพลีย อาจส่งผลให้รับประทานอาหารว่างหรืออาหารระหว่างมื้อมากขึ้น
อาหารที่อาจช่วยลดหน้าท้องได้
- ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ เชอร์รี่ และองุ่น มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) เป็นองค์ประกอบ ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ให้สีม่วง แดง และน้ำเงินแก่ผลไม้กลุ่มนี้ ยังมีผลวิจัยออกมาว่า อาจช่วยเผาผลาญไขมันในช่องท้อง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ อีกทั้งยังประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) และไฟเบอร์
- ชาเขียว ผลวิจัยเผยว่า สารคาเทชินในชาเขียว อาจมีส่วนช่วยเร่งให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ช่วยตับเผาผลาญไขมัน และสลายไขมันที่สะสมอยู่ในเซลล์ไขมัน โดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง
- พืชตระกูลถั่ว มันฝรั่ง กล้วย ข้าวโพด ประกอบไปด้วยแป้งที่ทนต่อการย่อยด้วยเอนไซม์ (Resistant Strach) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายไฟเบอร์ เพราะเมื่อผ่านกระบวนการย่อย แป้งจะไม่เปลี่ยนเป็นน้ำตาล และถูกขับออกนอกร่างกายโดยไม่ถูกดูดซึม
- นมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน นอกจากมีแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง นมยังทำให้รู้สึกอิ่มท้อง และอาจช่วยเร่งการลดน้ำหนัก
- ลีนโปรตีน คือโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น อกไก่ ไข่ขาว ปลา เนื้อหมูสันใน เป็นต้น มีคุณสมบัติคล้ายโปรตีนเวย์ในการช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อและไม่ก่อให้เกิดไขมันรอบท้องหากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
- โพแทสเซียม การรับประทานอาหารรสเค็มจัดหรืออาหารที่มีโซเดียมสูงขณะมีประจำเดือน อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะบวมน้ำมากกว่าปกติ การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมเป็นส่วนประกอบ เช่น อโวคาโด กล้วย น้ำส้ม ผักขม มันเทศ เป็นต้น อาจช่วยให้ภาวะบวมน้ำทุเลาลงได้ เนื่องจากโพสแทสเซียมจะช่วยนำน้ำที่ออกมานอกเซลล์กลับเข้าไปในเซลล์ดังเดิม
- ไขมันดี หรือกรดไขมันไม่อิ่มตัว มักพบใน อโวคาโด ถั่ว มะกอก ดาร์คช็อคโกแลต หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และช่วยปรับระดับฮอร์โมนควบคุมน้ำหนักให้สมดุล ยังมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไขมันบริเวณท้
ออกกำลังกาย
- การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายหมุนเวียนโลหิตและเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น ผู้ที่ต้องการลดหน้าท้องควรออกกำลังกายระดับปานกลาง ซึ่งหมายถึงการทำกิจกรรมออกแรงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ที่ทำให้ระดับการเต้นของหัวใจสูงขึ้น 50-60 เปอร์เซ็นต์จากระดับการเต้นหัวใจขณะพัก อย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ วันละประมาณ 30 นาที
- การบิดเอว เป็นท่าออกกำลังกายหน้าท้องที่ทำได้ง่าย เพียงยืนตัวตรง มือสองข้างท้าวเอว บิดตัวช่วงบนไปทางซ้ายและขวาสลับกัน โดยทำทั้งหมด 3 เซต เซตละ 15 ครั้ง ซึ่งผู้เล่นอาจนำดัมเบลมาใช้เพื่อเสริมการออกกำลังได้
การใช้ยาและการผ่าตัด
- การใช้ยาและการผ่าตัดภายใต้การแนะนำของแพทย์ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการไขมันหน้าท้อง อย่างไรก็ตาม ไขมันนั้นถูกสะสมในร่างกายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดการสะสมของไขมัน และละเลยการออกกำลังกาย อาจทำให้พุงกลับมาเป็นปัญหากวนใจและส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมอีกครั้ง หรือเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมทาง rattinanhospital.com ผู้ที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ที่คอยดูแลเกี่ยวกับด้านความงามมานานมากกว่า 10 ปี
- การใช้ยาลดความอ้วน เป็นวิธีที่ส่งผลข้างเคียงมาก และมีประสิทธิภาพช่วยให้น้ำหนักลดลงได้เพียง 5-10 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี แพทย์มักไม่แนะนำให้คนทั่วไปใช้ยาลดความอ้วน เว้นแต่เป็นผู้ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยการควบคุมอาหาร หรือมีปัญหาสุขภาพที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้ ในปัจจุบันยาลดน้ำหนักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายแบ่งออกเป็นหลายชนิด
- การผ่าตัดกระชับหน้าท้อง (Abdominoplasty) คือการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง มักนำมาใช้กำจัดไขมันและแก้ไขผิวหนังบริเวณท้องที่หย่อนยาน ซึ่งอาจเป็นไขมันส่วนเกินที่ไม่สามารถลดได้จากการออกกำลังกาย เช่น หน้าท้องที่หย่อนยานจากน้ำหนักที่ลดลงครั้งละมาก ๆ หรือภายหลังจากคลอดบุตร การผ่าตัดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ลุกขึ้นยืนลำบาก รู้สึกเจ็บ มีอาการช้ำ ชาบริเวณแผล ผิวหนังเหนือรอยแผลเป็นบวมและมีอาการช้ำ ชาบริเวณแผล ผิวหนังเหนือรอยแผลเป็นบวมและมีของเหลวอยู่ภายใน เกิดรอยแผลเป็นถาวร เป็นต้น