หน้าท้องลาย หย่อน หนังหน้าท้องย้อย เป็นคลื่น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้สำหรับผู้หญิงที่เคยคลอดลูก รวมถึงคนที่เคยเป็นโรคอ้วนมาก่อน ซึ่งต้องเผชิญกับรอยแตกลายบนหน้าท้อง พุงยืดย้วยที่เคยยืดออกมาและไม่สามารถหดกลับเข้ามากระชับเหมือนเดิมได้ทั้งหมด ทำให้หลายคนถึงกับขาดความมั่นใจในการแต่งตัวไปเลยหากจะต้องหยิบเสื้อผ้าที่มันดูเข้ารูป หรือเสื้อครอปที่เน้นโชว์ในส่วนเอว มาใส่เพื่ออำพรางหุ่น
ปัญหาหนักอกหนักใจของคุณแม่เหล่านี้ถึงแม้จะหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็ยังมีหนทางแก้ไข โดยส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการ “ดูดไขมันหน้าท้อง” เป็นอันดับต้น ๆ เพื่อแก้ให้พุงย้วยหายไป แน่นอนว่าเป็นการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ไม่ถาวรซะทีเดียว เพราะบริเวณหน้าท้องไม่ได้ประกอบด้วยชั้นของไขมันแค่เพียงเท่านั้น ยังมีส่วนที่เป็นหนังที่ไม่สามารถดูดออกได้ ที่สำคัญความลายของหน้าท้องยังคงมีอยู่ และพุงหย่อนย้วยอาจกลับมาเป็นชั้น ๆ ได้ทุกเมื่อหากควบคุมอาหารได้ไม่ดี
เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เรียกว่า “ผ่าตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tunk)” จึงเข้ามาเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งให้คุณแม่วัยสาวทั้งหลายได้คลายความกังวลใจ และทำให้หนังท้องที่ย้วยกลับมาเข้ารูป กระชับ ไม่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น โดยการผ่าตัดหนังหน้าท้องก็ได้เริ่มพูดถึงกันในหมู่คุณแม่ท้องลายหลังคลอดมากขึ้นในประเทศไทย เพราะเป็นทางลัดที่จะช่วยทำให้รูปร่างกลับมามีสภาพงดงาม ใกล้เคียงลักษณะหนังหน้าท้องเดิม
ในด้านศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง ( TUMMY TUCK ) ที่ภาษาแพทย์เรียกว่า ABDOMINOPLASTY ที่นี่มีการผ่าตัดหนังหน้าท้องมี 2 แบบคือ
1) การผ่าตัดแบบย้ายสะดือและเย็บซ่อมกล้ามเนื้อหน้าท้อง ( Abdominoplasty)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมหน้าท้องเป็นจำนวนมาก หน้าท้องหย่อนคล้อย หน้าท้องลาย หน้าท้องย้วย ผิวหนังบริเวณหน้าท้องขยายตัว จากการคลอดบุตรหรือผู้ที่เคยอ้วนมาก ๆ และลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วก็จะทำให้บริเวณผิวหนังหย่อนคล้อยมาก
2) การผ่าตัดแบบไม่ย้ายสะดือ (Mini abdominoplasty)
การผ่าตัดแบบไม่ย้ายสะดือ เหมาะสำหรับผู้ที่ไขมันมีไม่มาก มีหน้าท้องลายไม่มาก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหนังหน้าท้องหย่อนคล้อยเฉพาะด้านล่าง และความหย่อนคล้อยไม่มาก
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
-
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพราะจะส่งผลให้แผลหายช้า
- งดยาแอสไพริน (Aspirin), ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) วิตามินอีและอาหารเสริมที่มีผลทำให้เลือดออกมากก่อนเข้ารับการผ่าตัด 2 สัปดาห์
- แจ้งโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ และแจ้งประวัติการแพ้ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัด
คุณหมอจะเริ่มด้วยการให้ยาสลบตามหลักมาตรฐานความปลอดภัย เมื่อคนไข้สลบแล้วจะเปิดแผลบริเวณหน้าท้องด้านล่างเพื่อตัดแต่งหนังหน้าท้อง โดยนำไขมัน เนื้อส่วนที่ไม่จำเป็นและส่วนที่เป็นริ้วรอยออก ดึงเนื้อที่อยู่ด้านบนลงมาปิดด้านล่าง ย้ายสะดือกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม โดยจะซ่อนแผลไว้ที่แนวขอบกางเกง จากนั้นเย็บแผล ซึ่งกระบวนการผ่าตัดทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
-
- หลังผ่าตัดแผลจะระบมและเจ็บซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ จะเจ็บอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์แล้วจะค่อยๆ ทุเลาลง ในระหว่างนี้ห้ามให้แผลโดนน้ำ ให้เช็ดตัวแทนการอาบน้ำ
- ช่วง 1-2 สัปดาห์แรกควรเดินแบบก้มตัวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้แผลตึง หลังจากนั้นพยายามค่อยๆ ยืดตัวเพื่อป้องกันอาการปวดหลังและเอว
- งดออกกำลังกายและยกของหนักเป็นเวลา 3 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ต้องใส่สเตย์รัดหน้าท้องต่อเนื่องนาน 3 เดือน
- ครบ 7 วันต้องกลับมาให้คุณหมอตัดไหม และปฏิบัติตามคำแนะนำอื่นๆ ของคุณหมออย่างเคร่งครัด
การผ่าตัดหนังหน้าท้องเป็นการผ่าตัดใหญ่ แผลค่อนข้างยาว กว่าจะเรียบเนียนสวยต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี ดังนั้นเมื่อแผลตกแต่งหน้าท้องแห้งและหายสนิทดีแล้ว คนไข้ต้องหมั่นทาโลชั่นหรือครีมลดรอยแผลเป็น จะช่วยให้รอยแผลจางเร็วขึ้น ต้องใจเย็นและอดทน เพื่อนำหน้าท้องที่เรียบ ตึง กระชับกลับคืนมา
ทำไมต้องทำศัลยกรรมหนังหน้าท้องย้อยกับคลินิก หรือโรงพยาบาลที่ดีที่สุด
เพราะมีทีมแพทย์ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือแน่นอน ได้มาตรฐาน เครื่องมือแพทย์ครบครัน ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ จะช่วยให้ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
-
- เลือกสถานที่ตั้งเข้าถึงได้ง่าย เป็นที่รู้จักได้มาตรฐานพร้อมเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย
- ให้การบริการพร้อม ทั้งคำปรึกษาได้เป็นอย่างดี
- แสดงราคาอย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบและสอบถามได้
อ่านต่อที่ Rattinan.com