การทำปากกระจับ ถือเป็นการทำศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับสาว ๆ ที่มีปัญหาบริเวณปากได้เป็นอย่างดี โดยการผ่าตัดตกแต่งรูปปากให้เกิดความสวยงาม ชวนน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ เป็นอย่างมาก ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้สาว ๆ ได้ออกไปพบปะผู้คนและยังถือเป็นการเพิ่มบุคลิกภาพให้กับสาว ๆ ได้ดีเลยทีเดียว ก่อนการตัดสินใจทำปากกระจับ ควรศึกษาหาข้อมูล เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทำไมต้องทำปากกระจับ
- เสริมสร้างบุคลิกภาพ ให้เกิดความมั่นใจในรูปลักษณ์เพิ่มมากยิ่งขึ้น
- แก้ไขริมฝีปากที่ใหญ่หรือหนามากจนเกินไปโดยพบมาตั้งแต่กำเนิด
- ตกแต่งริมฝีปากบนและล่าง ให้มีความสมดุลและได้รูปกับใบหน้า
- รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะบวมใหญ่ ริมฝีปากผิดรูป ซึ่งทำให้มีปัญหาในการพูด การรับประทานอาหาร ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การอักเสบ การได้รับบาดเจ็บ ภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียง จากการรักษา การเกิดเนื้องอก หรือการป่วยด้วยโรคบางอย่าง เช่นกลุ่มอาการเมลเคอร์สสัน-โรเซ็นทาล (Melkersson-Rosenthal Syndrome) ซึ่งผู้ป่วยเป็นอัมพาตที่ใบหน้า โดยอาการจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้าและริมฝีปาก อาการบวมโตและมีอาการบวมน้ำได้
ข้อห้ามในการทำปากกระจับ
ผู้ที่ไม่ควรทำปากกระจับหากกำลังมีภาวะดังต่อไปนี้
- ภาวะปากบวมใหญ่ หากมีอาการคล้ายจะเป็นภาวะปากบวมใหญ่ ซึ่งจริง ๆแล้วไม่ได้ป่วยด้วยภาวะนี้
- ภาวะ ปากอักเสบอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ขั้นตอนในการผ่าตัดนั้นยากขึ้น และอาจต้องทำการผ่าตัดซ้ำหลาย ๆรอบจึงจะทำให้ผลการรักษา เป็นที่น่าพอใจ
- มีสภาพจิตไม่มั่นคง เพราะการผ่าตัดศัลยกรรม อาจเป็นผลกระทบต่อสภาพทางจิตใจได้
การเตรียมตัวก่อนทำปากกระจับ
ผู้ป่วยควรได้รับการศึกษาข้อมูล เกี่ยวกับการทำปากกระจับ ก่อนตัดสินใจทำปากกระจับ โดยสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะได้ทราบถึงผลดี ผลเสีย ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษา และการพักรักษาตัวหลังการผ่าตัดและผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ได้ทราบ ถึงประวัติทางการแพทย์ การรักษาในปัจจุบัน ทั้งอาการป่วยการ ใช้ยาและโรคประจำตัว เพื่อให้แพทย์สามารถแนะนำ หรือวางแผนการผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัยมากที่สุด
ขั้นตอนการทำปากกระจับ
- ก่อนการผ่าตัดผู้ป่วยต้องนอนนิ่งบนเตียงผ่าตัดโดยแพทย์จะใช้ปากกาวาดเส้นบนริมฝีปากเพื่อทำเครื่องหมายในตำแหน่งที่ต้องได้ผ่าตัด
- เมื่อได้วาดเส้นรูปร่างปากตามที่ต้องการแล้ว แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ ในบริเวณที่จะทำการผ่าตัด เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดในขณะทำการผ่าตัด แต่ผู้ป่วยก็ยังรู้สึกตัวในขณะที่ทำการผ่าตัดอยู่
- แพทย์จะทำการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อส่วนด้านในของริมฝีปากออก หากเนื้อริมฝีปากด้านในมีน้อย แพทย์อาจต้องตัดเนื้อริมฝีปากด้านนอกด้วย เพื่อช่วยให้ปากได้รูปที่ต้องการ โดยจะทำการผ่าแผลเป็นรอยหยัก เพื่อให้สามารถสมานตัวได้ง่ายรวมทั้งช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นได้อีกด้วย โดยแพทย์จะระมัดระวังไม่ให้พลาดไปโดนเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่สำคัญ ที่ใช้ในการพูด และการเคลื่อนไหวของปาก รอยแผลเป็นผ่าตัดที่เริ่มกรีดห่างจากมุมปากด้านในอย่างน้อย 5 มิลลิเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น ทำให้ปากตีบและแคบลง และไม่สามารถเห็นรอยแผลได้อย่างชัดเจน
แพทย์จะทำการปิดเย็บแผลให้ได้รูปร่างเป็นทรงกระจับ โดยแพทย์จะเย็บปิดแผลด้วยปมที่แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ได้หลุดและอาจเย็บแผลเป็นรูปฟันปลา ในบางจุด เพื่อป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นนูน ไม่สม่ำเสมอได้
เนื่องจากปากเป็นอวัยวะที่ต้องสัมผัสกับน้ำ และความชื้นจากน้ำลาย และมีการขยับอยู่เสมอ แผลจากการผ่าตัดปากกระจับ จึงจำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าแผลอื่น ๆ จะดีขึ้นและสมานตัวประมาณ 7-9 วัน
การพักฟื้นหลังการผ่าตัด
เมื่อได้รับการผ่าตัดทำปากกระจับเรียบร้อยแล้ว หากผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรืออันตรายใด ๆเกิดขึ้น จะทำการจ่ายยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ ผู้ป่วยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ตามปกติ โดยแพทย์จะแนะนำวิธีปฏิบัติตัว เพื่อการพักฟื้น วิธีการดูแลแผล ซึ่งประกอบด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายแข็งแรง รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีอาการผิดปกติหรือโรคภาวะแทรกซ้อนควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
- เกิดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดแผลติดเชื้อและมีเลือดออก
- บริเวณผ่าตัดจะไวต่อการสัมผัส ทำให้เกิดความเจ็บปวดได้ง่าย เมื่อได้รับการกระทบกระเทือน
- อาจมีรอยแผลเป็นนูนบริเวณแผลผ่าตัดได้
- เกิดความไม่สมมาตร ไม่ได้สัดส่วนที่สมดุลกัน ระหว่างริมฝีปากบนและล่าง หรือริมฝีปากกับใบหน้า
- เกิดถุงน้ำในช่องปากหรือต่อมน้ำลายอุดตัน ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก