สาว ๆ ทุกคน ต่างปรารถนาที่จะมีหน้าท้องที่แบนราบ ไร้ไขมัน เมื่อคนมองมาแล้วทำให้ดูดี การที่มีหน้าท้องที่แบนราบจะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็มีผู้หญิงไม่น้อยที่มีปัญหาพุงยื่น หรือ อ้วนลงพุง ซึ่งเราจะพาไปให้ท่านไปรู้ลึกเกี่ยวกับการที่ต้องอ้วนลงพุง และเคล็ดลับในการพิชิต ลดหน้าท้องภายใน 1 เดือน
ทำไมคนเราถึงมีพุงยื่น
การที่คนเรามีพุงที่ยื่นออกมาบางครั้งอาจจะเกิดจากโรคอ้วนลงพุงก็เป็นได้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
- การกินอาหารมากเกินพอดี โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
- เกิดจากการที่ร่างกายมีการเผาผลาญที่ผิดปกติ
- เกิดจากการที่ไม่ออกกำลังกาย จึงทำให้มีน้ำหนักมากเกินไป และมีพุงยื่น
- การที่ท่านบริโภคแต่อาหารที่มีพลังงานสูง และ กินจุบจิบ
- การใช้ชีวิตที่สบายเกินไป คือ มีการขยับร่างกายน้อย วัน ๆ แค่นั่ง ๆ นอน ๆ ร่างกายไม่ได้รับการเผาผลาญ จึงทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่พอกอยู่ในช่องท้อง
โรคอ้วนลงพุง อันตรายกว่าที่คิด
- ไขมันที่สะสมในช่องท้อง สามารถหลั่งสารต่าง ๆ ที่มีผลเสียต่อร่างกายได้
- การที่มีไขมันสะสมอยู่ในเนื้อตับอาจทำให้เกิดโรคตับเรื้อรังได้ ซึ่งในอนาคตจะนำไปสู่โรคตับแข็งได้
- การที่มีไขมันสะสมทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ไขมันหน้าท้องแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระ ไปยับยั้งกระบวนการเผาผลาญกลูโคส ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงโรคเบาหวาน
- หลอดเลือดแดงมีโอกาสเกิดการอุดตันจากคราบไขมันที่ไปสะสมอยู่ในหลอดเลือด
- เสี่ยงต่อโรคอัมพาตที่เกิดจากหลอดเลือดสมองอุดตัน ทำให้สมองขาดเลือด
วิธีไหนบ้างที่ช่วย ลดหน้าท้องภายใน 1 เดือน
การลดหน้าท้องที่ดีที่สุด คือ การควบคุมน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร ซึ่งหากคุณได้รับอาหารมากเกินความต้องการของร่างกายก็จะทำให้มีหน้าท้องหรือพุงยื่นได้ หรือที่เรียกกันว่าโรคอ้วนลงพุง
เมื่อมีการออกกำลังกายเกิดขึ้น การเผาผลาญพลังงานก็จะตามมา ซึ่งควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 2 – 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือครั้งละ 1 ชั่วโมง โดยออกแบบวันเว้นวัน ซึ่งการออกกำลังกายเพื่อลดหน้าท้องสามารถทำได้หลายรูปแบบ ดังนี้
- การเดิน การวิ่ง การว่ายน้ำ และการปั่นจักรยาน ถือเป็นการออกกำลังกายที่เรียกว่า คาร์ดิโอช่วยให้หัวใจแข็งแรง ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น โดยจะไปดึงเอาพลังงานจากไขมันส่วนเกินมาใช้ จึงช่วยให้ลดพุงได้อีกทางหนึ่ง
- การซิตอัพ จะช่วยในเรื่องบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง เป็นวิธีที่นิยมที่สุดในการลดหน้าท้อง
- การดีท็อกซ์ลำไส้ การดื่มน้ำผักผลไม้ และรับประทานโยเกิร์ตตอนท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมากๆ จะช่วยกระตุ้นการขับถ่าย เมื่อลำไส้ไม่มีของเสียตกค้าง ก็มีส่วนช่วยให้”หน้าท้องแบนราบ” ได้ด้วย
หากท่านได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งในด้านการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นผลภายใน 1 เดือน อีกวิธีที่คนยุคนี้นิยมทำกันนั่นก็คือ การใช้เทคนิคทางการแพทย์เข้าช่วย ซึ่งท่านจะต้องทำการศึกษาข้อมูลให้ดี ไม่ว่าจะเป็นตัวสถานพยาบาล แพทย์จะต้องมีความชำนาญ และสถานพยาบาลจะต้องมีใบรับรองประกอบโรคศิลป์ จึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้ท่านได้
การลดหน้าท้องโดยการใช้เทคนิคทางการแพทย์เข้าช่วย คือการกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากส่วนต่าง ๆ ที่ไขมันไปสะสมอยู่ ซึ่งใช้เวลาไม่นานในการทำ ซึ่งก่อนที่ท่านจะเข้ารับบริการดูดไขมันหน้าท้องเพื่อให้มีหน้าท้องที่แบนราบท่านจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง เรามาดูกันค่ะ
การดูดไขมันหน้าท้องคืออะไร
การดูดไขมันหน้าท้อง คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวบริเวณหน้าท้องด้วยเครื่องดูดไขมัน การดูดไขมันหน้าท้องปัจจุบันศัลยแพทย์สามารถออกแบบหน้าท้องให้แบนเรียบ หรือดูดไขมันเพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้สวยงามที่เรียกกว่าดูดไขมัน Sexy Line ซึ่งแล้วแต่ความต้องการของผู้รับการดูดไขมัน
การดูดไขมันหน้าท้องมีกี่วิธี แบ่งออกเป็น 3 วิธี ดังนี้
- การดูดไขมันหน้าท้องด้วยเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ (Body Jet )
การดูดไขมันพลังน้ำเหมาะกับผู้ที่ต้องการนำไขมันไปเติมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย และผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้น ซึ่งไขมันที่ดูดออกมายังสามารถสกัดสเต็มเซลล์และฉีดกลับไปยังบริเวณที่ต้องการได้อีกด้วย
- การ ดูดไขมันหน้าท้อง ด้วยเวเซอร์ สมูธ (Vaser Smooth)
เครื่องเวเซอร์ สมูธ เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันหน้าท้องจำนวนมาก เป็นเครื่องที่ใช้พลังงานอัลตราซาวด์ในการแตกตัวของเซลล์ไขมัน
- การดูดไขมันหน้าท้องด้วยบอดี้ไทด์ (BodyTite)
การดูดไขมันด้วยเครื่อง BodyTite เป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะสตรีหลังคลอดหรือผู้ที่มีผิวหนังเยอะ ๆ การดูดไขมันด้วยวิธีนี้ใช้พลังงานคลื่นวิทยุแตกตัวเซลล์ไขมัน ซึ่งให้ผลลัพธ์ 2 อย่างในขั้นตอนเดียวคือการกำจัดไขมันและการยกกระชับผิว
บทสรุป
ลดหน้าท้องภายใน 1 เดือน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการลดหน้าท้องภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่ชอบการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร การดูดไขมันหน้าท้องถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้กับคุณ อย่างไรก็ดีก่อนที่ท่านจะเข้าไปใช้บริการท่านจะต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาล แพทย์ผู้ชำนาญการ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อที่เมื่อเท่าเข้าไปแล้วจะได้ไม่ผิดหวัง